Wednesday, September 8, 2010

・Boo's update ・

หลังจากที่พาบูไปว่ายน้ำ ผลลัพธ์ช่างน่าอัศจรรย์
หมอเรียกมาดู film x-ray พบว่ากระดูกของบูติดกันเป็นแท่งเดียว ประหนึ่งว่าไม่เคยแตกละเอียดมาก่อน
หมอบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมาพบหมอแล้วนะคะ พ่อก็ดูท่าทางโล่งใจทันที (ก็มันแพงง่ะ)

แต่บังเอิ๊ญญญ
ก่อนออกจากบ้านดันเห็นว่าหูบูเป็นอะไรไม่รู้ ดูแห้งๆเป็นสะ
เก็ดสีเหลืองอยู่รอบๆ ก็เลยขอให้หมอช่วยตรวจหน่อย
หมอบอกว่าต้องย้ายไปตรวจชั้นหนึ่งนะจ๊ะ

เรากับพ่อก็เลยเคลื่อนขบวนไปต่อกันที่ชั้นหนึ่ง หมอจัดการแหย่หูด้วย cotton bud แล้วก็เอาสำลีถูบริเวณเท้าที่เป็นสีขาว (ที่ตอนนี้เป็นสีแดง เพราะกัดจนถลอกปอกเปิก)
รอผลประมาณ 10 นาที หมอก็บอกว่า

"ยีสต์เต็มหูเลยค่าาาา..."


เราก็เอ... ยีสต์นี่ใช่ที่เอาไว้ทำขนมปังรึเปล่าคะ?


เท่านั้นยังไม่พอ ที่ตัวก็มีแบคทีเรียเต็มเลย บูก็เลยคัน แล้วก็กัดๆๆเท้าตัวเองจนแดง
ซึ่งสาเหตุที่หูก็น่าจะมาจากน้ำเข้าไปขัง แล้วเราไม่ได้เช็ดออกให้หมด เชื้อโรคก็เลยเติบโตเป็นอาณาจักรอยู่ในหูเล็กๆของบู
(ส่วนสระมรกตก็อาจจะเป็นสาเหตุประกอบอีก 1 อย่าง ฮึ่ม...)

ลงท้ายที่วันนี้ได้ยามา 2 อย่าง + แชมพูฆ่าเชื้อ + ยาทำความสะอาดหู + ยาหยอดหูฆ่าเชื้อ
พ่อหมดไปอีก 1,200 กว่าบาท ฮือ.. ขอบคุณนะค้า...


กลับถึงบ้านก็ปฏิบัติภารกิจที่หมอได้ brief มา

เริ่มจากให้ทายาก่อนอาหาร --> จับบูมาล้างตัว -->ฟอกแชมพูบริเวณที่มีขนสีขาว คือเท้า 4 ข้าง กับหน้าอก (ขนสีขาวจะติดเชื้อ หรือแพ้ได้ง่ายกว่า) --> ทิ้งไว้ 5 นาที --> ล้างฟองออกให้สะอาด --> เช็ดตัว เป่าขน --> หยอดหูด้วยน้ำยาทำความสะอาด --> นวดๆๆ ที่กกหู --> ใช้ cotton bud ทำความสะอาด --> หยอดน้ำยาลงบนสำสี -->เช็ดใบหูให้ทั่ว --> หยอดยาฆ่าเชื้อในหูแล้วทิ้งไว้ --> ให้อาหาร --> รอซักพัก แล้วก็ตามด้วยยาหลังอาหารฮะ

ตอนแรกก็คิดว่า 15 นาทีคงเสร็จ ที่ไหนได้ ปาไปชั่วโมงนึง แฮ่กมาก.. รู้เลยว่า คนเป็นแม่นี่เค้าต้องทุ่มเทจริงๆนะเออ นี่ขนาดลูกเราเป็นหมายังเหนื่อยขนาดนี้เลย ต้องขอชื่นชมและซาบซึ้งในพระคุณของคุณแม่ทุกๆท่านจริงๆค่ะ (ไม่ได้ล้อเล่นนะเออ)

ปฏิบัติการนี้ต้องต่อเนื่องยาวนานถึง 2 อาทิตย์ จนบูขยาด Cotton bud เห็นปุ๊บหนีปั๊บเลยทีเดียว

ต้องอธิบายวิธีเช็ดหูนิดนึงนะคะ คือข้างในหูของหมาๆเนี่ย มันจะเป็นรูปตัว L ค่ะ กล่าวคือ ช่วงเส้นตรง I จะเป็นช่องที่น้ำสามารถลงไปขังได้ (เหมือนอย่างที่บูเป็น) แต่ส่วนของแก้วหูจะหักมุมอยู่ลึกเข้าไปในส่วนของหางตัว L ค่ะ ฉะนั้นเราสามารถยัด Cotton bud ลงไปแบบสุดๆได้เลย ไม่ต้องกลัวเจ็บนะคะ

แต่สำหรับบูที่ขยาดเนี่ย เพราะว่าบูจั๊กจี๊ค่ะ (หมอบอกมานะ เค้าไม่ได้คิดเอง) แล้วมันก็คงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้อ่ะ ก็เลยดิ้นๆๆๆ ใหญ่เลย
มี 2 ครั้งที่ดิ้นจน Cotton bud หักคาหูอ่ะค่ะ อิเจ้าของก็กรี๊ดสิคะ กลัวเอาออกไม่ได้ บูก็หมุนๆๆๆ ใหญ่เลย ไม่ยอมให้จับหูเลย ดีว่ายังเหลือปลายไว้ให้ดึงออกค่ะ ไม่งั้นก็ต้องวิ่งไปหาหมออีก - ____-'

จนล่าสุดที่ไป update อาการกับคุณหมอ เราก็ได้กำจัดคุณยีสต์และแบคทีเรียออกไปหมดแล้วค่ะ
แต่ปัญหาคือผิวและขนที่ยังกระดำกระด่าง ที่คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุอื่น เช่นแพ้อาหาร
คุณหมอก็เลยต้องลองเปลี่ยนยาแก้คันใหม่ ให้ยาบำรุงขนเพิ่ม
ซึ่งถ้าอีก 2 อาทิตย์ไม่ดีขึ้น ก็ต้องมา test อาหารกันแล้วค่ะ รอบนี้หมดไปอีก 600 กว่าบาท
บูจ๋า สงสารแม่เท้อออออ... แม่จะหมดตัวแล้วลูกเอ้ยย

ลาไปด้วยภาพเซตพิเศษจากบูบูค่ะ

หมาตี๋ไม่เหมือนหมอตี๋นะจ๊ะ

นี่คือคุณชาร์ลีค่ะ เป็นแมวที่เป็นมิตรสุดๆ มีหนวดบนปากเหมือนชาร์ลี แชปปลินด้วยนะเออ

ดูตาสิคะ จะไม่รักยังไงไหว

มาวันธรรมดาเร็วกว่านะจ๊ะ (แต่กว่าจะเสร็จก็ 10 โมงฮะ)

ขากลับรอบนี้ดูจ๋อยมากค่ะ ไม่รู้ว่าเศร้าเรื่องอะไร

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม รวมถึงมิตรรักบูบูที่ค่อยถามไถ่อาการอยู่เสมอนะฮะ :)

1 comment:

  1. ดูแลบูดีมาก แสดงว่าถ้ามีลูกก็ต้องรักมากเนอะ : D ดีจัย!

    ReplyDelete