Saturday, April 30, 2011

・Ham-Gruyère cheese pan ・

Once in a while, I want to make some bread.
I choose recipe from khun Pook's blog.
I've been visited this blog many times because it's loaded with beautiful pictures and many of them are Japanese recipes that I crazed in.

After I've try this recipe, I have to say that it was impressive.
The bread is soft, a bit crunchy texture from the topping and indulgence smell from gruyere cheese. Ahh.. what a perfect combination.

You can follow the directions - -> here <- -.

Thank you khun Pook for a good recipe. :)




นานๆทีก็อยากทำขนมปังขึ้นมาบ้างค่ะ
ทำแต่เค้ก เดี๋ยวคนข้างๆก็เป็นเบาหวานกันพอดี ได้ข่าวว่าตอนนี้ก็น้ำตาลสูงแล้ว - -'
(ขนาดเราว่าเค้กเราหวานน้อยแล้วนะเนี่ย)
ด้วยความที่เจ้าของบล๊อกไม่ค่อยได้ทำขนมปัง พอจะเริ่มทำ ก็ค่อนข้างจะหวั่นๆ (จริงๆก็เพิ่งทำเจ๊งบ๊งไป 1 batch T T)
ทำรอบนี้ก็เลยพยายามหาสูตรที่ง่ายๆ แล้วก็มาเจอกับสูตรขนมปังใส่แฮมกับชีสในบล๊อกของคุณปุ๊กค่ะ
บล๊อกคุณปุ๊กนี่ เจ้าของบล๊อกแวะเวียนไปบ่อยมาก เพราะคุณปุ๊กถ่ายรูปขนมสวย ดูน่าทาน แล้วก็สูตรส่วน
ใหญ่เป็นสูตรญี่ปุ่นอ่ะค่ะ
เจ้าของบล๊อกก็เป็นโรคบ้าญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยได้เข้าไปกรี๊ดกร๊าดในบล๊อกคุณปุ๊กอยู่บ่อยๆ

พอทำแล้วก็ประทับใจค่ะ ขนมปังสูตรนี้ง่าย อบเสร็จก็อร่อย นิ่ม แล้วก็หอม Gruyère cheese มากๆ
(ก็มันก็แพงสุดๆเลยนี่นา (`・ω・´) ) โดยเฉพาะหน้าของขนมปังเนี่ย มีแต่คนกรี๊ดค่ะ อร่อยสุดๆ :3
สำหรับสูตรของขนมปังนี้ ตามไป - -> ที่นี่ <- -เลยค่า




ต้องขอขอบคุณคุณปุ๊กที่แบ่งปันสูตรกันด้วยนะค้า :)

Monday, April 25, 2011

・Crêpe Suzette ・

Yesterday I mad crepe for my brunch and there is a lot left.
So I try many recipes and this is one of them.
The reason that I made Crêpe Suzette is because my friend have asked about it long time ago.
I don't know if she still want to make this dish or not.
Maybe she already finished her own. ;p
But here is my version of Crêpe Suzette.


ในที่สุดก็ได้ทำเมนูนี้ซักทีค่ะ
เริ่มจากทำเครปกินกันตอนเช้า แล้วก็มีเครปเหลืออยู่นิดหน่อย
ก็นั่งคิดว่าเอามาทำอะไรดีน้าาา.. แล้วก็ปิ๊งเมนูนี้ขึ้นมาค่ะ
เพราะว่าเพื่อนของเจ้าของบล๊อกเคยถามถึงมาซักระยะนึง (นานแล้วก็บอกสิยะ 5 5)
ไม่ได้ถามวิธีทำหรอกค่ะ แค่ถามเรื่องวัสดุอุปกรณ์เท่านั้นเอง
แต่เราก็เหมาเอาว่าเค้ามาปรึกษาเรา วะ ฮะ ฮ่า...
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนสาวถอดใจกับเมนูนี้ไปรึยังนะคะ หรือเธออาจจะทำเสร็จไปนานแล้วก็ได้
แต่ฉันก็ยังจะโพสท์อยู่ดีง่ะ ใครจะทำไม




I use Martha Stewart's crepe recipe.
Makes 32 six-inch or 12 ten-inch crepes (I got 14)


จะทำเครปซูเซตต์ ก็ต้องทำเครปก่อน
วันนี้ใช้สูตรเครปจากป้ามาธาร์ค่ะ
สูตรเขาว่าได้โหลนึง แต่เนื่องจากเจ้าของบล๊อกอาจจะทำแล้วบูดๆเบี้ยวๆ ไม่กลมดี เลยได้มา 14 แผ่นค่ะ


Ingredients
  • 1 3/4 cups all-purpose flour
  • 1/2 teaspoon coarse salt
  • 2 cups whole milk, room temperature, plus more if needed
  • 3 large eggs, room temperature
  • 2 1/2 ounces (5 tablespoons) unsalted butter, melted, plus more for skillet


ส่วนผสม
  • แป้งอเนกประสงค์ 1 3/4 ถ้วย
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • นม 2 ถ้วย ที่อุณหภูมิห้อง
  • ไข่ใบใหญ่ 3 ฟอง ที่อุณหภูมิห้องเช่นกันค่ะ
  • เนยจืดละลาย 2 1/2 ออนซ์ (5 ช้อนโต๊ะ) และอีกเล็กน้อยสำหรับทากระทะค่ะ


Directions
  1. Sift flour and salt into a large bowl. Whisk together milk and eggs in a medium bowl. Pour milk mixture into flour mixture, whisking to combine. Whisk in butter. Strain mixture into a medium bowl, and refrigerate for at least 2 hours (or up to 1 day). Batter should be the consistency of heavy cream; add more milk if needed.

  2. Heat an 8- or 12-inch nonstick skillet over medium heat, and brush with butter. Ladle or pour 3 tablespoons batter (for small crepes) or 1/3 cup batter (for large crepes) into pan, turning and tilting skillet to coat bottom evenly with batter. Cook until top of crepe appears set, bottom is firm and golden brown in spots, and center is lifted by pockets of air, about 1 minute.

  3. Run a spatula around edge of crepe to loosen. Slip spatula under crepe, and gently flip in one swift gesture. (If it doesn't land quite right, that's okay; use the spatula to unfold or rearrange it.) Cook until bottom is firm and golden brown in spots, about 45 seconds. Transfer to a plate, and cover. (The first one will not be your finest.) Repeat with remaining batter, brushing pan lightly with butter as needed (every 2 or 3 crepes). Set aside.



วิธีทำ
  1. ร่อนแป้งและเกลือให้เข้ากันในอ่างผสม หันไปตีนมและไข่ให้เข้ากัน เทส่วนผสมนมลงในส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน ใส่เนยลงไป คนให้เข้ากันอีกที กรองส่วนผสมผ่านกระชอน แล้วแช่เย็น 2 ชั่วโมงเจ้า (จะนานเป็นวันก็ได้เน่อ) ส่วนผสมแป้งควรจะเหมือนครีมข้นๆอ่ะค่ะ

  2. วางกระทะขนาด 8-12 นิ้วลงบนไฟกลาง ทาเนย หยอดส่วนผสมแป้งลงในกระทะประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ (สำหรับเครปกุ๊กกิ๊ก) หรือ 1/3 ถ้วย (สำหรับเครปใหญ่โต) หมุนๆวนๆ ให้แป้งคลุมกระทะให้เท่าๆกันนะคะ ทีนี้ก็รอ ร้อ รอค่ะ จนกระทั่งด้านบนดูเฟิร์ม ข้างล่างเริ่มเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ มีฟองอากาศปุดๆ ปุ๋ยๆ ประมาณ 1 นาที

  3. เอาสปาตูล่า / ไม้พาย หรืออุปกรณ์อะไรตามแต่จะมีนะเจ้าคะ แซะๆรอบๆเครปค่ะ แล้วก็กลับด้านฟ้าบ ด้วยความเร็วแสง เจ้าของบล๊อกไม่เคยทำทีเดียวสำเร็จหรอกค่ะ ก็ต้องมาจัดระเบียบทีหลังเอา บางทีก็ต้องใช้มือช่วย ร้อนๆๆ ทีนี้ก็ทิ้งไว้อีกประมาณ 45 วินาทีจนเป็นสีน้ำตาลอ่อนนะคะ ย้ายสำมะโนครัวเครปมาลงจานได้เลย ใครทำชิ้นแรกๆเละนี่ธรรมด๊า ธรรมดามากค่ะ ไม่ต้องตีอกชกหัวไปนะจ๊ะ เรายังมีแป้งให้ทำซ้ำจนเมื่อยเลยค่ะ 5 5 อาจทาเนยเป็นระยะๆ ประมาณ 2-3 แผ่นต่อ 1 ครั้ง (แต่เจ้าของบล๊อกก็ทาแค่ที่เดียวตอนเริ่มน่ะค่ะ) เสร็จแล้วก็จัดเสิร์ฟได้เล้ย



After we got crepe, then we do Crêpe Suzette.
I follow Nigella's direction right here but my flambe is not exciting like hers. Just a small flame that can't get rid of the alcoholic smell. -____-'
What a pity.


แต่อ๊ะๆ อย่างที่บอกไปว่าเราจะทำเครปซูเซตต์
เจ้าของบล๊อกก็ได้ดำเนินรอยตามคุณ Nigella แฮ๊ปสูตรเธอมาตามวิดีโอด้านล่างนะจ๊ะ
แต่ตอนทำเฟลมเบ้เนี่ย ไฟของเจ้าของบล๊อกมันสุดแสนจะจ๋อย ไม่เห็นจะโชติช่วงชัชวาลย์เหมือนของเค้าเล้ยยย ช่างน่าเศร้า -____-'
พอไฟไม่ลุกโฮก แอลกอฮอล์มันก็ออกไม่หมดน่ะสิคะ งืออออ
แต่ก็อร่อยอยู่ดีแหละ งึมๆ

ลองดูเน่อ





Enjoy :)

Friday, April 22, 2011

・Shrimp Alfredo Pasta ・

I'm not so busy lately so I have plenty time to browsed on many videos in Youtube.
Firstly, I want to find makeup videos. Because I'm long from such things.
But after few videos, I started watching cooking videos.
I just can't stop. It's just like a drug. Haha..
And finally I found this one




First of all, this recipe is really easy, I got all ingredients but the most important reason that I followed this recipe is because..
I love his tee. Haha..
And more impressed when I know that he did it himself. WOW!

So.. let's do it.
Ahh.. I use whipping cream instead of half& half and it's quite greasy at the second half and I switch asparagus to straw mushroom instead and I love it. <3




Enjoy :)


ช่วงนี้สบายๆค่ะ งานไม่ยุ่งมาก ก็เลยมีเวลามานั่งดูยูทูปเรื่อยเปื่อย
ตอนแรกก็กะว่าจะหาวิดีโอมาอัพความงามเสียหน่อย เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้เงือกมาก
แต่พอดูไปได้ซักพักก็เอาแล้ว สายตาเริ่มเหลือบไปเห็นวิดีโอทำอาหาร ไอ้ที่อยากจะสวยเมื่อกี๊เลยเป็นอันต้องชะงักไป
หันมาดูวิดีโอทำอาหารอย่างเอาเป็นเอาตายแทน
ดูไปดูมา โอ๊ะ เมนูนี้น่าสนใจ ไม่ยากด้วย ของก็มีครบ

แต่พอดีเจ้าของบล๊อกไม่มี asparagus เลยใช้เห็ดฟางแทนค่ะ
แล้วก็เปลี่ยน half& half มาเป็น whipping cream เพราะอยากให้ rich เลย rich สมใจเลย คำหลังๆชักจะมากไปด้วยซ้ำ ;b

แต่รวมๆก็ยังเริ่ดนะคะ
ลองดูค่ะ

วิธีทำตามลิงค์ด้านบนเลยจ้า :)



Sunday, April 17, 2011

・Caramel cake ・

This is the cake that I never think of making it.
Because of the name 'caramel cake' that makes me think that it's gonna be too sweet.
But the reason that brings me to meet this recipe is my sister.
She is browsing my cake book and found this one so she requested me to do this for her.
And because I'm a good sister (Haha..) so I answer her need.
This recipe is from this book.




เค้กนี้เป็นเค้กที่เจ้าของบล็อกไม่เคยคิดจะทำเลยค่ะ
ด้วยชื่อเค้กคาราเมลทำให้รู้สึกว่ามันจะต้องหวานมากแน่ๆ
แต่ที่ได้ฤกษ์ทำก็เพราะว่าพี่สาวมานั่งเปิดหนังสือเค้กในห้อง แล้วก็มาป๊ะกับเค้กคาราเมลนี้เข้า ก็เลยรีเควสท์มาค่ะ
หันไปหันมา อ๊ะ ของครบ เริ่มทำเลยดีกว่าค่ะ

พูดถึงหนังสือเล่มนี้ซักนิด เจ้าของบล็อกชอบนะคะ เพราะคนเขียนเค้าเขียนละเอียดมากกกกก (มากจริงๆนะเออ)
ถ้าใครเคยอ่านเอ็นทรี่ที่เจ้าของบล็อกทำขนมปังล่ะก็ จะเห็นว่ามีวิธีทำที่ยาวเหยียดสุดๆ
นั่นแหละค่ะ คนเขียนเดียวกันเลย แต่ถึงเค้าจะเขียนยาวๆก็ไม่น่าเบื่อนะคะ เหมือนฟังเพื่อนมาเล่านู่นนี่ให้ฟังดีกว่า
ภาพก็สวยค่ะ (เจ้าของบล็อกกรี๊ดหนังสือทำอาหาร / ขนมที่ภาพสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว)
แล้วขนมที่ออกมาก็อร่อยทีเดียวค่ะ ฉะนั้น ถ้าใครกำลังเล็งๆเล่มนี้อยู่ละก็ เชียร์นะคะ


Caramel cake
makes 12 mini cupcakes




Preparation

- Preheat oven at 350 degree Fahrenheit
- Greasing pan with butter (I use oil spray)


เตรียมตัวก่อนอบ

- อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
- ทาพิมพ์ด้วยเนย (ตามสูตรใช้เนยขาว แต่เจ้าของบล็อกไม่ชอบ เพราะมันล้างออกยากอ่ะค่ะ เลยใช้น้ำมันแบบสเปรย์แทน) พิมพ์เค้กเป็นพิมพ์ทรงสูงนะคะ (เจ้าของบล็อกใช้พิมพ์มินิชีสเค้กค่ะ)


Ingredients : Caramel cake

- Flour 1 cup
- Baking powder 1/2 tsp
- Baking soda 1/4 tsp
- Salt 1/2 tsp
- Butter 1/2 cup
- Caster sugar 1/2 cup (I reduced to 1/3 cup)
- Brown sugar 1/2 cup (I reduced to 1/3 cup)
- Golden syrup 1 tbsp
- Egg 2
- Milk 1/2 cup


ส่วนผสม : เค้กคาราเมล

- แป้งเค้ก 1 ถ้วย
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- เนย 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทรายป่น 1/2 ถ้วย (เจ้าของบล็อกลดเป็น 1/3 ถ้วยจ้า)
- น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย (อันนี้เจ้าของบล็อกก็ลดเป็น 1/3 เช่นกันเด้อ)
- น้ำเชื่อมโกลเด้นไซรัป 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นม 1/2 ถ้วย


Directions : Caramel cake

- Sifting flour, baking powder, baking soda and salt together.
- Creaming butter then add caster sugar until fluffy (about 5 mins), add brown sugar beat until getting pale brown. Add egg one at a time, add golden syrup beat well.
- Gradually add flour mixture using rubber spatula, add some milk and mix together. Repeat this process until you don't have any flour mixture / milk left.
- Fill the batter in cake pan. Leave about 4 mm. above the batter to rise. Bake for 20 mins. Wait for 3 mins before you get the cake out of the tin. Cool cake on wire rack before serving with caramel sauce.


วิธีทำ : เค้กคาราเมล

- ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือด้วยกัน 1 ครั้ง
- ตีเนยที่พักไว้จนมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้องให้ขึ้นฟู เติมน้ำตาลทรายป่นลงไปครึ่งถ้วย ตีด้วยที่ตีไข่ไฟฟ้าจนเป็นครีมฟู (ราว 5 นาที) ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ตีจนได้ครีมสีน้ำตาลอ่อนๆ ใส่ไข่ไก่ลงไปครั้งละฟอง ตีให้เข้ากันก่อนใส่อีกฟองลงไป เมื่อเข้ากันดีแล้วใส่น้ำเชื่อมลงไป ตีจนเข้ากันดี
- ใส่ส่วนผสมแป้งลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากันด้วยพายยาง แบ่งส่วนผสมนมใส่ลงไปส่วนหนึ่ง คนให้เข้ากัน ทำสลับเช่นนี้จนกระทั่งหมดส่วนผสมแป้งและนม
- ตักส่วนผสมที่คนจนได้ที่ลงในพิมพ์ ใส่ส่วนผสมให้ต่ำจากขอบพิมพ์ราว 4 มิลลิเมตร ขนมจะฟูขึ้นมาพอดีขอบ (ต่ำกว่านี้ก็ได้นะคะ เจ้าของบล็อกใส่ต่ำกว่า 1 เซนฯ ยังฟูล้นเลยค่ะ หรือเป็นเพราะพิมพ์เล็กก็ไม่แน่ใจ) นำเข้าเตาอบนาน 20 นาที ทดสอบโดยใช้ไม้จิ้มลงกลางเค้ก ถ้าไม่มีเศษขนมเหลวๆติดมาเป็นใช้ได้ นำออกจากเตาแล้วพักไว้ราว 3 นาที นำออกจากพิมพ์ พักไว้บนตะแกรงให้เย็นก่อนราดด้วยซอสคาราเมล


Ingredients : Caramel sauce

- Butter 8 tsp
- Brown sugar 2/3 cup (I reduced to 1/3 cup)
- Sugar 2/3 cup (I reduced to 1/3 cup)
- Salt 1 tsp
- Water 2 tbsp
- Golden syrup 3/4 cup (I reduced to 1/4 cup)
- Whipping cream 3/4 cup (I reduced to 1/2 cup)


ส่วนผสม : ซอสคาราเมล

- เนยจืด 8 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายแดง 2/3 ถ้วย (เจ้าของบล็อกลดเหลือ 1/3 ถ้วยอีกแล้วค่ะ)
- น้ำตาลทรายขาว 2/3 ถ้วย (ลดเป็น 1/3 ถ้วยเหมียนเดิมจ้า)
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
- โกลเด้นไซรัป 3/4 ถ้วย (ถ้าใส่หมดเกรงว่าจะเป็นเบาหวานก่อนกินเค้กหมดชิ้น ขอลดเหลือ 1/3 ถ้วยนะจ๊ะ)
- วิปปิ้งครีม 3/4 ถ้วย (อันนี้ลดเหลือ 1/2 ถ้วยจ้ะ ตามสัดส่วนของส่วนผสมอื่นๆที่ลดไป)


Directions : Caramel sauce

- Put butter in the saucepan add both kind of sugar, salt, water, and golden syrup. Bring all ingredients to boil and dissolve. Simmer about 3 mins stir with wooden spoon.
- Slowly add whipping cream. Be careful of heat and steam. Stir. Leave to cool.


วิธีทำ : ซอสคาราเมล

- ใส่เนยลงในหม้อเคลือบ ใส่น้ำตาลทั้ง 2 ชนิดลงไปพร้อมทั้งเกลือป่น น้ำ และน้ำเชื่อม เร่งไฟให้แรง คนไปเรื่อยๆจนน้ำเชื่อมเดือด และส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี ตั้งส่วนผสมไว้ให้เดือดปุดๆ ประมาณ 3 นาที (อย่าให้เดือดพล่าน) โดยราไฟลงเป็นไฟกลาง ระหว่างนั้นให้คนด้วยพายไม้ ยกหม้อลง หรือดับไฟที่เตา
- รินวิปปิ้งครีมลงไปช้าๆ (ไม่ต้องตีก่อน) ระวังควันและไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมา ใช้ช้อนไม้ที่มีด้ามยาวคนอย่างเร็ว ขณะเดียวกันก็รินครีมลงไปเรื่อยๆ คนจนเข้ากันดี พักให้เย็นแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าเหลือใช้ราดไอศครีม ขนามหวาน หรือวาฟเฟิลก็ได้

Enjoy :)

Thursday, April 14, 2011

Snack review ・Maruko Blueberry ・

It's Songkran now. I normally not play Songkran.
But I love this festival because I will have a very long holiday. (5 days in a row woo hoo..)
Since I have plenty time to do many things including cooking.
So I started my day with waffle but unfortunately that it came out not so impressive.
I'm not sure whether the recipe that is not good or because I use this waffle machine for the first time and not quite familiar with it yet, that makes my waffle not good.

Anyways, I leave my dessert to the instant thing that won't disappointed me.
Dessert that I choose today is Maruko Blueberry that I have from the Hokkaido Food Fair.
Umm.. it's quite hard to describe the type of this thing.
It's just like the blueberry that packed in cube and it will dissolve in the milk and will make it a blueberry milk with some cruchy blueberry.
To summary, I think it's good and fun to watch when it dissolve.

Maruko blueberry price 200 Baht 4 pieces per pack




เข้าเทศกาลสงกรานต์แล้ว เป็นเทศกาลที่เจ้าของบล็อกชอบมาก
ไม่ใช่เพราะได้ออกไปเล่นสงกรานต์ที่ไหน แต่เป็นเพราะว่าได้มีเวลาเย้อ เย้อออ
ได้ทำนู่นทำนี่ ได้ลองสูตรอาหารใหม่ๆ
แต่วันนี้โชคคงไม่เข้าข้าง เพราะวาฟเฟิลที่ลองทำไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสูตร หรือว่าเพราะ
เรายังไม่ชินกับเครื่องทำวาฟเฟิลก็ไม่แน่ใจ
พอถึงของหวานก็เลยหมดแรง หันมาพึ่งของสำเร็จรูปบ้างดีกว่า

ของหวานวันนี้มาจากงานเทศกาลอาหารฮอกไกโดค่ะ
ซึ่งเจ้าของบล๊อกก็ไม่รู้จะอธิบายว่ามันเป็ของหวานชนิดไหนดี
คือมันเหมือนเป็นบลูเบอร์รี่อัดก้อน ที่พอเติมนมแล้วมันก็จะแตกออก กลายเป็นนมรสบลูเบอร์รี่ ที่มีเม็ดบลูเบอร์รี่กรอบๆให้เคี้ยวเล่นด้วยค่ะ
เอาเป็นว่าโดยรวมก็อร่อยดี ตอนที่นั่งคนให้ก้อนบลูเบอร์รี่แตกก็สนุกดีล่ะ :)

Maruko blueberry ราคาประมาณ 200 บาท มี 4 ชิ้นใน 1 แพคค่ะ




My failed waffle :( but looks good anyway and Häagen-Dazs ice cream always help. :)

Sunday, April 10, 2011

Gadget review ・Button maker ・

I have found this gadget in Daiso shop (again :) ).
Here is loaded with cool stuffs but you have to spend a while to find it.
This is also one of the value for money gadget in my opinion.
It is the button maker. They have 3 sizes of button maker, I bought the small one that has 15 mm. diameter.

And the direction is soooo easy and quick.
But you should use only cotton or fabric that is not too thick.




ไปเจอของเล่นใหม่มาค่ะ เป็นที่ทำกระดุมแบบ DIY
ของเล่นนี้ก็มาจากร้าน Daiso อีกเช่นเคย เป็นร้านที่เจ้าของบล๊อกไปเดินบ่อยมากๆๆๆ และสามารถใช้เวลาอยู่ในนั้นได้เป็นครึ่งวันเลยทีเดียว
ที่ Daiso มีของดีๆ ราคาถูกอยู่เยอะ แล้วของบางอย่างก็มีไอเดียน่ารักๆ แบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นอยู่
แต่ก็ต้องมีเวลาเลือกพอสมควรค่ะ

ที่ทำกระดุม DIY นี้ มีให้เลือก 3 ขนาดค่ะ แล้วก็มีกระดุม Refill ให้ซื้อต่างหากด้วย ถ้าเกิดว่าเราใช้กระดุมใน
pack หมดแล้ว
เจ้าของบล๊อกเลือกขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 mm. มาค่ะ

วิธีทำก็ง้าย ง่าย ดังนี้ค่ะ


Directions

1. Cut cloth to a circle shape twice time of the button.
2. Put cloth and button shell into the punch. (The white one)
3. Adjust cloth by covering button shell.
4. Put the back side button on the punch and push.
5. Push out the button from the punch.

Easy, huh. :)




วิธีผลิตกระดุม

1. ตัดผ้าเป็นวงกลม ให้ใหญ่ประมาณ 2 เท่าของขนาดกระดุมของเราค่ะ
2. เอาผ้าที่เราตัดไว้ ใส่ลงในพิมพ์สีขาว ตามด้วยแผ่นกระดุม
3. จัดผ้าให้ครอบกระดุมทั้งหมดนะคะ แล้วกดลงไปค่ะ
4. ตัดผ้าที่เกินออกมา แล้วเอาด้านหลังของกระดุมวางด้านบน กดลงไปค่ะ
5. ผลิตกระดุมสำเร็จ เอากระดุมเอาจากพิมพ์ได้เลยค่ะ

ง่ายเนอะ :)

Saturday, April 2, 2011

・Ochazuke with crunchy kutsu ・

Happy Saturday :D
Today I'm proud to present menu that I was inspired (copy actually haha..) by one of the funniest chef in Thailand. Chef Mhee.
He has his channel in Youtube and broadcast his super creative menus.
He has total 4 menus right now and for this episode he presented ・ Ochazuke with crunchy kutsu ・ that use break instant noodle instead of bread crumb.

You can watch him demonstrate his menu right here.
Unfortunately (or not) that he speaks in Thai.
But I think it's not difficult to follow.




And below is my creation. :D


สวัสดีค่า วันนี้มาส่งการบ้านเชฟหมี ครัวกากๆค่ะ
คิดว่าหลายคนคงติดตามแล้วก็รู้จักเชฟหมีกันอยู่แล้วนะคะ
ถ้ายังล่ะก็ ดูการทำอาหารแบบเมพๆของเชฟหมีได้จาก link นี้เลยค่ะ หรือจากวิดีโอด้านบนนะจ๊ะ
เชฟหมีได้โชว์ฝีมือทำอาหารมาแล้ว 4 รายการ
ซึ่งวันนี้ เจ้าของบล็อกก็ภูมิใจที่จะก๊อปปี้ผลงานของเชฟหมีมาเผยแพร่ต่อไปค่ะ
นั่นก็คือ ・ ข้าวต้มชาโปะหน้า (มาม่า) ทงคัตสึ ・ ค่ะ
เจ้าของบล็อกพอจะคุ้นกับข้าวต้มชาอยู่บ้าง แต่มาม่าทงคัตสึนี่ค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายไปซักนิด
แต่ถึงจะดูเพี้ยนๆ แต่ว่ามันก็อร่อยดีนะเออ

วิธีทำ, ส่วนผสมต่างๆก็ดูจากเชฟหมีเอาเลยนะจ๊ะ
และนี่คือผลงานของเจ้าของบล๊อก (ที่ดูจะกากกว่าของเชฟหมีหลายช่วงตัว -_-)



อ่อ ปอลอนิดนึง เจ้าของบล๊อกใช้ชาที่เป็นถุงๆล่ะ เป็นชา Rooibos ที่ดูเก่าเก็บมาก บางถุงมีรอยโดนตัวอะไร
ซักอย่างเจาะไปแล้ว 5 5 5 แต่ความหอมของชาก็ยังคงเดิมนะจ๊ะ

ส่วนมาม่าทงคัตสึนั้น เจ้าของบล๊อกว่ามันกรุบกรอบดีจัง กรอบนานกว่าทงคัตสึที่ใช้เกล็ดขนมปังหลายเท่านัก
ยิ่งเอามาวางบนข้าวต้มแบบนี้ ทงคัตสึธรรมดาคงจะเหี่ยวในเวลาไม่นานเป็นแน้แท้
รสของหมูที่ได้หมักไว้ก็ช่วยให้รสชาติรวมๆกลมกล่อมขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะว่าข้าวต้มแทบจะไม่ได้ปรุงอะไรเลย (เจ้าของบล็อกซีอิ๊วขาวหมดไม่รู้ตัว เลยใช้แม้กกี้กับน้ำมันงาหมักหมูแทนจ้า)

เจ้าของบล็อกจึงขอลงความเห็นว่า ・ ข้าวต้มชาโปะหน้า (มาม่า) ทงคัตสึ ・ เมนูนี้ อร่อยลงตัวมากม้ากกกกค่ะ

ลองทำกันดูนะคะ :)


P.S. I didn't use bottled tea and replace with Rooibos tea bag that is also gave the great smell to our boiled rice.
And what I love most in this recipe is the crunchy kutsu that covered with instant noodle because it gave more crunchy texture and the crunchiness last longer than using bread crump.

This is also the menu that I suggested you to try.
Enjoy. :)