Monday, July 30, 2012

เสม็ด ・หนึ่ง ・

สเม็ดรอบนี้เกิดจากคุณแฟนได้บัตรงานคอนเสิร์ต Samed in Love มาค่ะ
เป็นเทศกาลดนตรีที่จัดที่เสม็ดทุกปี (แต่เจ้าของบล็อกก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ฮ่า..) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วค่ะ 

พอได้บัตรคอนเสิร์ตมา ขั้นตอนต่อไปก็มาหาที่พักกัน
เลือกไปเลือกมาก็มาจบที่ปารดีค่ะ เนื่องจากคุณแฟนเคยมา outing ที่นี่ แล้วก็ชอบมาก อยากให้เราได้สัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกัน (เจ้าของบล็อกก็เคยมา outing เสม็ดนะ แต่ของเค้า low cost กว่าเยอะเลยง่ะ :( ) เดี๋ยวลองตามมาดูกันนะคะว่าจะประทับใจจริงรึเปล่า


ก่อนออกเดินทาง

การเดินทางรอบนี้เจ้าของบล๊อกกับแฟนออกจะงงๆ วิ่งบางนาอยู่ดีๆ กลับมาเข้ามอเตอร์เวย์เฉย (~ . ~) เลยไม่ขอแนะนำเส้นทางนะคะ เดี๋ยวจะพากันหลงทางเสียเวลาไปใหญ่ เอารูปรถ Thailand only มาฝากแทนก็แล้วกัน



พอถึงระยองก็หาทางขับไปจนถึงถนนเลียบหาด แล้วก็หาท่าจเด็จให้เจอค่ะ เราจะขึ้นเรือจากท่านี้กัน พนักงานจะพาเราไปจอดรถ แล้วกลับมานั่งรอที่อาคารด้านหน้า



วิวจากที่รอนั่งรอเรือค่ะ

กลับมานั่งรอเรือกัน น้องพนักงานจะพาเราไปเลือกน้ำมันหอมระเหยที่จะใช้ในห้อง, สบู่สมุนไพร 2 ก้อน แล้วก็เครื่องดื่มค่ะ (ไวน์ขาว, ไวน์แดง และสปาร์คกลิ้ง)เลือกกันจนมึนเลย มีหลายกลิ่นจัด

เรือที่จะไปเกาะมี 2 รอบค่ะ รอบบ่าย 2 โมง กับรอบ 5 โมงเย็น ซึ่งเจ้าของบล๊อกเลือกมารอบบ่าย 2 ค่ะ พอได้เวลาก็จะมีรถกอล์ฟมาพาเราไปที่เรือ เป็นเรือลำเล็กๆค่ะ นั่งกันแค่ 4 คนต่อลำ ปารดีอยู่อ่าวกิ่ว ซึ่งก็คืออยู่ไกลลลลลที่สุดในบรรดาอ่าวต่างๆของเสม็ด ก็เลยใช้เวลาพอสมควร ระหว่างทางก็เห็นเขากำลังสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ ดีไซน์เป็นรูปปี่ขนาดยักษ์ นัยว่าให้สอดคล้องกับพระอภัยมณี ซึ่งเอิ่ม.. รูปร่างพิกลชะมัด แล้วยังจะบอกว่าเป็นปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ก็แน่ละเซ่.. ใครเขาจะทำสิ่งก่อสร้างรูปปี่กันอีกในโลกนี้)

ก่อนถึงที่หมายเจ้าของบล็อกกำลังจะก้มไปถอดรองเท้า เพราะถ้าเรือถึงฝั่งแล้วต้องลงเรือเหยียบน้ำ รองเท้าต้องเยินแน่ แต่พอเงยหน้ามา เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ... นั่นมัน รถแทร็กเตอร์ดัดแปลงค่ะ เค้าเอาไม้มาพาดบนตัวรถเพื่อให้คนลงจากเรือ มาเหยียบพื้นรถ แล้วรถก็จะไปปล่อยเราลงตรงพื้นที่แห้ง โดยที่เราไม่ต้องเหยียบน้ำทะเลให้เหนียวเหนอะหนะรำคาญใจ ทะเลก็สวยมากกกกก เหลือบไปด้านซ้ายก็มีพนักงานตั้งแถวต้อนรับพร้อมผ้าเย็น คือ... รู้สึกพิเศษอย่างกับว่ากินไอติมแม็กนั่มอยู่เลยทีเดียว


ลงจากรถก็เดินต่อไปที่ห้องค่ะ ระหว่างนั้นพนักงานก็อธิบายถึง complimentary ต่างๆ คือ
บ่าย 3 โมง มีไอศครีมเสิร์ฟที่สระน้ำ
บ่าย 4 โมง ชาพร้อมของว่าง
5 โมงเย็น รับ welcome drink

มาถึงห้อง เขาจุดน้ำมันหอยระเหยตามกลิ่นที่เราเลือกไว้ตั้งแต่อยู่บนฝั่งไว้ให้ แช่ไวน์ไว้เสร็จสรรพ พร้อมทั้งผลไม้อีก 1 ถาดใหญ่ มีแอปเปิ้ล องุ่น สาลี่ กล้วย ทำนองนี้

  Pool หน้าห้องค่ะ มีน้องนกมาเล่นน้ำอยู่ด้วย


 
 
 

ห้องน้ำมีทั้งส่วนที่เป็น tub และ shower นะคะ จากอ่างอาบน้ำ มองไปก็จะเห็นสระน้ำค่ะ



 สบู่ 2 กลิ่นที่เราเลือกไว้ค่ะ Peach กับ Sweet Almond

เจ้าของบล็อกมัวแต่กรี๊ดกร๊าด เลยไปไม่ทันเวลาเสิร์ฟไอศครีม แหง่วววว... แต่ก็ได้เวลา 4 โมงพอดีค่ะ เลยสั่งชามาทานกัน มีให้เลือกระหว่างคาโมมิลล์ กับเอิร์ลเกรย์ ของว่างคู่ชาที่เขาให้มาก็โอเคนะคะ จำนวนไม่น้อยไป ไม่กั๊ก รสชาติโอเค




 Chocolate mousse อร่อย :9

ทานเสร็จก็ได้เวลาไปเดินเล่น ถ่ายรูป อัพเฟสบุค ig ลั้นลากัน ต้องบอกว่าทะเลที่นี่สวยมากค่ะ น้ำใส ทรายขาวละเอียด ครบคุณสมบัติทะเลสวย :D ก็เลยนอนตีพุงกลิ้งไปกลิ้งมากันซักพัก ดูเวลาอีกที อุ๊ย.. 5 โมง ไปรับ welcome drink ดีฝร่า ฮ่า...

Panorama view

 Welcome drink เขาเสิร์ฟที่ sunset bar ค่ะ ต้องเดินไปฝั่งตรงข้ามกับชายหาดที่เราลงเรือมา ซึ่งหาดฝั่งนี้จะเป็นหิน ดูขลังทีเดียว เครื่องดื่มก็มีทั้ง cocktail, mocktail, spirit ต่างๆ ก็เลือกกันตามใจชอบได้เลยค่ะ เหมือนจะจำกัดราคาที่ 500 บาท แต่ก็ไม่แน่ใจนะคะ ใครไปก็ลองเช็คกันดูอีกที เจ้าของบล็อกเลือก ลิ้นจี่มาการิต้ามา ของคุณแฟนเป็น dark rum กับโค้กค่ะ



ก็ยังมีของว่างมาให้เช่นเคย *>.<*

นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินได้ซักพัก น้องพนักงานแนะนำว่า รถไปอ่าววงเดือนที่มีจัดคอนเสิร์ตน่าจะติด น่าจะออกไม่เกิน 6 โมงนิดๆ ก็เลยให้พนักงานช่วยเรียกรถให้ เป็นรถสองแถวนะคะ เขาคิดราคาเหมา เที่ยวละ 500 ก็เท่ากับว่า ไป-กลับ 1,000 บาท ซึ่งถ้าเจ้าของบล็อกรู้ว่าทางจะโหดขนาดนี้ล่ะก็... คงขอนอนตีพุงอยู่ที่ปารดีเป็นแน่แท้ คือทั้งชัน ทั้งขรุขระ ทั้งหลุมบ่อ คือรวมความทรหดไว้ในที่เดียว แล้วไม่ได้ใกล้ๆเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าอ่าวกิ่ว เป็นอ่าวที่อยู่ห่างไกลจากชาวบ้านเขามากที่สุด คืออยู่ท้ายสุดของเกาะ ก็เลยรู้สึกว่านานมากกกก และทรมานมากกกก



มาถึงอ่าววงเดือนก็น่วมเลยค่ะ คนก็เยอะตามคาดจริงๆ คอนเสิร์ตจัดอยู่ริมหาดเลยนะคะ ใครใคร่เล่นน้ำก็ลงไปดำผุดดำว่ายกันได้ ศิลปินก็หลากหลายทีเดียว
 

ดูอยู่ซักพักใหญ่ ก็เดินทางกลับกันค่ะ ซึ่งขากลับนี่สยองกว่าขามามาก เพราะถนนไม่มีไฟ แล้วมีจังหวะนึกที่เป็นหัวโค้ง พอเลี้ยวปั๊บ จะเจอศาลใหญ่ ซึ่งไฟรถจะสาดไปพอดี โอ.. จุดนั้นเจ้าของบล็อกตัวแข็งไปแล้วค่ะ ไม่กล้ามองอะไรเลย จนมาถึงรีสอร์ท


ก่อนเข้าห้องแวะยืม DVD มาดูเพลินๆ ท้องร้องค่ะ ในงานคอนเสิร์ตไม่ค่อยมีอะไรทานซักเท่าไหร่ มีแต่เบียร์ (แหม.. ก็ช้างเขาสปอนเซอร์นี่เนอะ) เลยสั่ง room service มาที่ห้องค่ะ บริการ room service ที่นี่ 24 ชั่วโมงนะคะ แต่ว่าหลัง 5 ทุ่ม เมนูก็จะจำกัดหน่อย อาหารรสชาติดีค่ะ สั่งมา 2 อย่าง เนื้อย่าง กับข้าวอบสัปปะรด (ที่ไม่ใส่ในสัปปะรด)




พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนเนอะ ไว้พรุ่งนี้ตามมาเที่ยวกันต่อค่ะ :)

1 comment:

  1. ว้าวๆๆ เสม็ด คลอดแล้น : )

    ReplyDelete