Wednesday, May 2, 2012

• ขอนแก่น • สอง

ทานอาหารเช้าเอาแรงกันก่อนค่ะ เราสามารถสั่งจากเมนูได้เรื่อยๆ คือเป็นบุฟเฟต์ที่ทำใหม่ทุกจาน เมนูก็หลากหลายทีเดียว อาหารเช้าเริ่มตั้งแต่ 7.00-10.00 ค่ะ




check out เรียบร้อยก็ออกเดินทางไปปราสาทเปือยน้อยกันค่ะ จากบ้านไผ่ ไปทางอำเภอเปือยน้อย ประมาณ 30 กิโลเมตร ปราสาทจะอยู่ทางด้านขวามือค่ะ ซ้ายมือเป็นสวนสาธารณะสระวงศ์ ตามแผนที่ไป ไม่ยากค่ะ



ช่วงความรู้: ปราสาทเปือยน้อย หรื่อพระธาตุกู่ทอง สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะผสมระหว่างศิลปะเขมรแบบบาปวน และแบบนครวัด สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู แผนผังการก่อสร้าง มีตวามหมายเป็นเขาพระสุเมรุ ซึ่งถือเป็นแกนจักรวาล อันเป็นที่สถิตของเทพเจ้าที่เรียกว่า "ศาสนบรรพต" สิ่งก่อสร้างภายในบริเวณปราสาทเป็นไปตามแบบแผนของศาสนสถานขอมโบราณ หน้าบันขององค์ประทานสลักเป็นพระยานาคราช ที่มีลวดลายสวยงามมาก ทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมศิลป์ ที่นับว่ายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
"โคปุระ"(ซุ้มประตู) อยู่ทางทิศตะวันตกและตะวันออก ข้างโคปุระเบาะเป็นช่องหน้าต่าง "กำแพงแก้ว" มีฐานเป็นบัวคว่ำบัวหงาย มีการสลักกำแพงเป็นร่องแบบลาดบัว



  




จากปราสาทเปือยน้อย เราแวะไปที่วัดบ้านลาน หรือวัดมัชฌิมวิทยารามกัน ที่ชวนเข้าวัดเข้าวานี่ไม่ใช่ว่าเจ้าของบล๊อกเป็นคนธรรมะธรรมโมแต่อย่างใด (~ ,~) แต่จะชวนมาชมจิตรกรรมฝาผนังกันค่ะ ให้ขับรถย้อนกลับมาทางเดิม เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 2301 ขับมาซักพักก็จะเจอวัดอยู่ทางซ้ายมือนะคะ



สำหรับจิตรกรรมฝาผนังโบราณ (ฮูปแต้ม) นั้นจะวาดอยู่รอบนอกอุโบสถที่อยู่กลางวัดค่ะ ที่นี่เขาวาดเรื่องพระเวสสันดรชาดก (สังเกตุว่าวัดแถบนี้ส่วนใหญ่ก็จะวาดเรื่องนี้กันนะคะ) โดยจะเริ่มจากผนังด้านหน้า (ทิศตะวันออก) ไล่ไปจนครบรอบ ก็จะจบเรื่องพอดีค่ะ ซึ่งการวาดรูปของช่างก็จะอินดี้พอสมควรค่ะ คือไม่ได้มีแบบแผนเป๊ะๆอย่างช่างในภาคกลาง แล้วก็จะใช้สีฝุ่นสีน้ำเงิน และสีเหลืองเป็นหลัก บางทีก็เสริมคำบรรยายไว้ในภาพด้วย ลืมตรงไหน ก็วาดแทรกๆเอา ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้นค่ัะ




จริงๆแล้วเจ้าของบล๊อกตั้งใจจะไปวัดสนวนวารีพัฒนารามด้วย แต่หาไม่เจอ -_-' เลยเลิกล้มความคิด กลับเข้าตัวเมืองขอนแก่นดีกว่า เพราะวันนี้เราจะย้ายไปนอนในในเมืองกันค่ะ

สถานที่พักคืนนี้คือสุพรรณิการ์โฮมค่ะ น่ารักมากกกกก จากถนนเลียบบึงแก่นนคร ให้เลี้ยวเข้าซอยที่ปากซอยมีร้านปลาป้าน้อยอยู่น่ะค่ะ ตรงเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะเจอทางเข้าค่ะ ในสุพรรณิการ์โฮมนี้มีร้านอาหารด้วยนะคะ ชื่อ ครัวสุพรรณิการ์ ตอนมาถึงเป็นช่วงเที่ยงพอดี คนเยอะเชียว เดินผ่านร้านอาหารเข้ามาจะเจอลานกว้าง ซึ่งแต่ละวิลล่าก็จะแยกกันไปตามมุมค่ะ ฉะนั้นก็จะมีความเป็นส่วนตัวอยู่มากทีเดียว

วิลล่าที่นี่จะมีลักษณะเหมือนบ้านเลยค่ะ คือมีส่วนของตัวบ้านที่ประกอบด้วย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอ่านหนังสือ รวมไปถึงระเบียง สวน และห้องทานอาหารที่เปิดโล่ง การตกแต่งก็ดูเป็นบ้านจริงๆค่ะ ดูอบอุ่น เจ้าของบล๊อกยังแอบชอบผ้า และปลอกหมอนต่างๆที่เขาเลือกใช้ ดู mix&match ลงตัวดี






 


พักคลายร้อนแล้วก็ไปหาอะไรทานกันค่ะ เจ้าของร้านทำการบ้านมา เห็นมีหลายคนแนะนำร้าน ตะเกียง ก็เลยตามรอยไปค่ะ ก็แปลกใจนิดหน่อยที่ทางร้านขายสุกี้ กับก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แล้วก็สลัดไม่กี่อย่าง เพราะจากที่หาข้อมูลมา เป็นร้านที่มีเมนูหลากหลายทีเดียว เจ้าของร้านมาเฉลยทีหลังค่ะ ว่าสิ้นเดือนเมษายนนี้ก็จะปิดร้านแล้ว และเปลี่ยนไปขายสุกี้เพียงอย่างเดียว เพราะว่าเหนื่อยค่ะ
เจ้าของบล๊อกก็เลยต้องพับเมนูที่ list มาลงกระเป๋า แล้วสั่งอาหารเท่าที่มี คือก๋วยเตี๋ยวลุยสวน สลัดปลาแซลมอนทอด และสุกี้ทะเล ซึ่งอร่อยทุกอย่างจริงๆค่ะ ก่อนอาหารจะมา ก็ลองไปหยิบชีสเค้กลูกตาลมาลอง เพราะมีคนแนะนำขนมร้านนี้ไว้เช่นกัน ไม่ผิดหวังเลยค่ะ รสละมุนมาก นุ่มนวลสุดๆ


หนังท้องตึงเปรี๊ยะ ก็ต่อกันเลยค่ะ แวะไปที่วัดหนองแวง เพื่อไปชมพระมหาธาตุแก่นนคร (พระธาตุ 9 ชั้น) กัน วัดอยู่ริมบึงแก่นนครเลย มีลานจอดรถอยู่ด้านหลังวัด สะดวกสบายทีเดียว

ช่วงความรู้:  ภายในวัดหนองแวงเมืองเก่าซึ่งเป็นพระอารามหลวง มีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้นฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสานตากแห

ภายในองค์พระธาตุมีอยู่ 9 ชั้น คือ

ชั้นที่ 1 เป็นหอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่บนบุษบกตรงกลางและพระประธาน 3 องค์อยู่ตรงกลาง บานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเรื่องจำปาสี่ต้น โดยเฉพาะบานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติและมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น

ชั้นที่ 2 เป็นหอพัก บานประตูหน้าต่างเขียนลวดลายเบญจรงค์และภาพแกะสลักนิทานเรื่องสังศิลป์ชัย ตามผนังด้านบนมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคะลำ หรือข้อห้ามต่าง ๆ ของชาวอีสาน

ชั้นที่ 3 เป็นหอปริยัติ บานประตูหน้าต่างเขียนลวดลายเบญจรงค์และภาพแกะสลักนิทานเรื่องนางผมหอม

ชั้นที่ 4 เป็นหอปริยัติธรรม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของเก่าบานประตูหน้าต่างภาพพระประจำวันเกิด เทพประจำทิศและตัวพึ่ง-ตัวเสวย

ชั้นที่ 5 เป็นหอพิพิธภัณฑ์ มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุษบา สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 6 บานประตูหน้าต่างแกะสลักภาพพุทธชาดก

ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌายาจารย์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานชาดกเรื่องเวสสันดร

ชั้นที่ 7 เป็นหอพระอรหันตสาวก บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานเรื่องพระเตย์มีใบ้

ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรม เป็นที่รวบรวมพระธรรม คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนามีพระไตรปิฏก ฯลฯ บานประตูแกะสลักรูปพรหม 16 ชั้น

ชั้นที่ 9 เป็นหอพระพุทธ ตรงกลางมีบุษบก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น และสามารถชมทัศนียภาพของตัวเมืองขอนแก่นได้ทั้ง 4 ด้าน โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออกสามารถมองเห็นบึงแก่นนครได้สวยงามมาก

 credit: http://www.mochit.com/place/343


 



อิ่มบุญกันแล้วก็กลับไปนอนผึ่งพุงที่รีสอร์ทกันซักพักค่ะ เพราะเรามีแผนว่าเย็นนี่เราจะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินกัน แต่ปรากฏว่าทางรีสอร์ทแจ้งว่าประตูหน้าจะปิดตอน 3 ทุ่ม แป่ววว... จริงๆแล้วเราแจ้งพี่ยามไว้ได้นะคะ พี่ยามก็จะรอเปิดประตูให้เรา แต่ก็เกรงใจน่ะค่ะ เพราะถ้าเดินเพลิน พี่ยามก็เศร้าเลย แผนก็เลยเปลี่ยนค่ะ แทนที่จะออกไปตะแล๊ดแต๊ดแต๋ข้างนอก เราก็จะนั่งชิล นอนชิล เดินชิล ยืนชิล อยู่ในรีสอร์ท เรียกว่าใช้ทุกตารางเมตรให้คุ้มกันไปเลย

และเมื่อมีการเปลี่ยนแผน อาหารเย็นถนนคนเดินของเราก็เลยมีอันต้องตกไป พอดี๊กับที่คุณแฟนซื้อแชมเปญมาจากดิวตี้ฟรีที่ประเทศลาว เลยคิดว่าเรามากินดินเน่อแกล้มแชมเปญกันแบบไฮ ไฮ กันดีกว่า มื้อเย็นของเราก็เลยทานกันในที่ครัวสุพรรณิการ์ในรีสอร์ทค่ะ

มื้อนี้สั่งมา 4 อย่าง คือ ข้าวตังน้ำพริกเผากากหมู ฉู่ฉี่กุ้ง ยำเนื้อลาย ปูจ๋า อร่อยหมดทุกอย่างเลยค่ะ รสจัดทีเดียว แถมภาพชนแก้วกระแดะๆอีก 1 ภาพ ฮ่าๆ

ปอลอ จริงๆแล้วแชมเปญไม่เหมาะกับอาหารรสจัดนะฮะ เหมาะที่จะดื่มเปล่าๆ เวลาท้องว่าง หรือดื่มแกล้มอาหารรสเบาๆค่ะ



ราตรีสวัสดิ์ค่ะ :)

1 comment:

  1. เพิ่มเติม Plan -> ไปเดินถนนคนเดิน แล้วก็ จะไปซ่าต่อที่ ยูบาร์ (แต่กิน นอน ดูทีวี อยู่ที่ resort ก็แสนชิว :)

    ReplyDelete